Test Drive Zeekr X ขับดี ช่วงล่างเยี่ยม ไม่มีย้วย

Test Drive Zeekr X ขับดี ช่วงล่างเยี่ยม ไม่มีย้วย หลังจากการเปิดตัวไปได้พักใหญ่ เราเพิ่งได้มีโอกาศลองขับรถพรีเมี่ยม SUV จาก Zeekr คันนี้ ก่อนอื่นผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านคงพอทราบกันมาแล้วว่า Zeekr ที่เมืองจีนเค้าเป็นหนึ่งแบรนด์ลูกของ Geely holding group ซึ่งภายใต้กรุ๊ปนี้ก็จะมีอีกหลากหลายแบรนด์ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่อยู่ภายใต้ร่มเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ Volvo แน่นอนในเมื่ออยู่ในเครือเดียวกัน ก็มีการแชร์เทคโนโลยี แพลตฟอร์ม หรือแม้กระทั้งการดีไซน์ โดยเจ้า Zeekr X คันนี้ก็เป็นเหมือนน้องชายฝาแฟดของ Volvo EX30 เลยก็ว่าได้ เพราะมันใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน
Zeekr X คันนี้เค้าวางไว้ให้เป็น Premium Compact SUV ซึ่งแน่นอนวัสดุที่เลือกใช้เป็นวัสดุคุณภาพสูง การประกอบที่เนียบมีมาตรฐาน และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทีทันสมัย เหนือรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปที่มาจากประเทศจีนหลายๆแบรนด์ แต่ความพรีเมี่ยมต้องแลกมากับค่าตัวที่ดูแล้วจะสูงกว่าเพื่อนๆในเซ็กเม้นท์เดียวกัน

ราคาจำหน่าย Zeekr X ในประเทศไทย
Zeekr X STANDARD RWD รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ราคา 1,199,000 บาท

Zeekr X FLAGSHIP Dual Motor AWD รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 1,349,000 บาท

มิติตัวถัง
เมื่อเทียบกับ Volvo EX3 เมื่อเทียบกับ Volvo EX30 พบว่า Zeekr X จะมีขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่กว่า บนพื้นฐาน SEA Modular Platform

Zeekr X : 4,432 x 1,836 x 1,566 มม. ฐานล้อ 2,750 มม.
Volvo EX30 : 4,233 x 1,837 x 1,555 มม. ฐานล้อ 2,650 มม.

การออกแบบภายนอก
ภายนอกหน้าตาดูแปลกแตกต่าง ด้านหน้าถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED ที่ควบคุมแยกกันได้ 56 ดวง พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันดีไซน์เฉพาะตัว มาดูที่ด้านข้างเส้นสายรูปทรงรถดูคุ้นตาคล้ายๆ EX30 ไม่น้อย ด้านท้ายติดตั้งไฟท้าย LED ที่ประกอบด้วยหลอด LED จำนวนมากถึง 229 ดวง มาพร้อมกระจกมองข้างแบบไร้กรอบพร้อมฟังก์ชันบันทึกตำแหน่ง และช่องชาร์จ AC/DC ที่ถูกออกแบบซ่อนไว้บริเวณซุ้มล้อหลัง

การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมแบบ Ice Block พร้อมหลังคาพาโนรามิกทรงโค้งที่มีขนาด 1.21 ตารางเมตร โดยติดตั้งไฟแอมเบียนไลท์ 17 โทนสีที่สามารถปรับเปลี่ยนโทนแสงได้ตามจังหวะของเสียงเพลงในห้องโดยสารที่ติดตั้งระบบเครื่องเสียงจาก Yamaha ที่มีลำโพงรวม 13 จุด หน้าจออินโฟเทนเมนท์ทำงานด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับคำสั่งเสียง ZEEKR Voice Assist ที่อาศัยระบบ AI ช่วยในการทำงาน พร้อมหน้าจอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD ขนาด 24.3 นิ้ว

ระบบขับเคลื่อน
Long Range RWD

มอเตอร์ 1 ตัว 272 แรงม้า 343 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาด 67 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 540 km. (มาตรฐาน NEDC)

Dual Motors Flagship AWD

มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พละกำลังสูงสุด 428 แรงม้า 542 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC 67 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 470 km. (มาตรฐาน NEDC)

การทดลองขับ Test Drive Zeekr X
เราได้ขับทั้ง 2 รุ่นย่อย แต่น่าเสียดายเป็นการทดลองขับในพื้นที่ปิดที่มีการจัดเต็มสเตชั่นต่างๆไว้ให้แล้ว ไม่ได้ออกไปลองขับบนถนนจริงๆ หลายคนอาจจะถามว่าขับแค่นี้จะได้อะไร บอกแบบนี้ครับพื้นที่ที่ทดลองขับในครั้งนี้เป็นสนามของรถ Go Kart ไฟฟ้า ซึ่งมีแทรกค่อนข้างแคบ แน่นอนเราจะทดสอบความคล่องตัว แถมสนามนี้มีโค้งหลากหลายรูปแบบทั้งกว้าง แคบ ยูเทริ์น ให้ได้ลอง ระบบช่วงล่าง และยังมีสเตชั่นเลนเชนจ์ สลาลอม ให้ได้ลองแฮนเดอร์ริ่งอีด้วย

เรามาเริ่มจากรุ่นมอเตอร์เดี่ยวกันก่อนเลย พลัง 343 แรงม้า กดคันเร่งตัวรถพุ่งออกไปแบบกระฉับกระเฉงตามสไตล์รถไฟฟ้า เข้าโค้งแรกระบบช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ที่ถูกปรับเซ็ทมาได้อย่างลงตัวแน่น หนึบ ไม่นิ่มย้วย ทำให้การเข้าโค้งดว้ยความเร็วเป็นเรื่องที่ง่ายดาย รถนิ่งและควบคุมง่ายมากครับ ออกโค้งกดคันเร่งรถพุงไปแบบเนียนๆ เข้าเลนเชนจ์ ต่อสลาลอม พวงมาลัยน้ำหนักดี ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ขับดีมากจริงๆครับ

เรามาต่อกันที่รุ่น Flagship มอเตอร์คู่กันเลย อัตราเร่งบอกเลยว่าแตกต่างจากมอเตอร์เดี่ยวอย่างรู้สึกได้ เพราะมันตั้ง 428 แรงม้า ขับมันส์มากครับ ยิ่งได้ช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาดี ยิ่งทำให้การขับขี่มั่นใจมากขึ้น เข้าโค้งแบบเนียนๆขนาดบางโค้งผมลองเข้าแบบแรงๆหวังว่ารถจะหมุนให้เราเห็น แต่ไม่มีเลยครับตัวรถแค่เสียอาการเล็กน้อย แก้พวงมาลัยนิดหน่อยรถก็กลับมาอยู่ในเลนได้อย่างง่ายดาย

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะระบบไฮเทคต่างๆที่มีอยู่ในรถคันนี้ และขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four-wheel-drive System) ของ Zeekr X จะถูกควบคุมด้วย ECU 6 ชุด พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับ 18 จุดรอบคัน เพื่อให้ครอสส์โอเวอร์คันนี้สามารถสลับโหมดการขับเคลื่อนระหว่างสองล้อมาเป็นสี่ล้อภายในเวลา 0.4 วินาทีเท่านั้น ที่ช่วยให้รถคันนี้ควบคุมได้ดังใจต้องการ ลืมไปเลยว่านี้คือรถที่ผลิตจากประเทศจีน

สรุป
Zeekr X คันนี้ถึงแม้ว่าราคาอาจจะดูสูงเมื่อเทียบขนาดและไซส์กับคู่แข่ง แต่มันก็แลกมากับงานประกอบที่ดี วัสดุที่พรีเมี่ยม และสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีทั้งอัตราเร่ง ความประหยัด ระบบช่วงล่าง และระบบไฮเทค ฟีดเจอร์ต่างๆที่อัดมาให้แบบเต็มๆ ภายในด้านหลังอาจจะคับแคบไปนิดแต่ก็นั่งได้ สุดท้ายเรื่องบริการหลังการขาย ซึ่ง Zeekr ประเทศไทย เตรียมแผนเปิดโชว์รูม และ ศูนย์บริการ รวม 14 แห่ง ที่ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว ภายในปี 2024 นี้ และ ตั้งเป้าให้ครบ 20 แห่ง

www.zeekrglobal.com