Mini เผยโฉม Cooper EV รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เน้นเอกลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
Mini เผยโฉม Cooper ไฟฟ้ารุ่นใหม่ มีกำหนดการเปิดตัวสู่สาธารณะที่งาน IAA 2023 ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี วันนที่ 5 กันยายน โดยรถแฮทช์แบ็กไร้มลพิษ 3 ประตู จะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Mini Cooper และจะวางจำหน่ายใน 2 รุ่น ได้แก่ Mini Cooper E และ Mini Cooper SE
Mini Cooper ไฟฟ้าใหม่ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกของรถที่มีเอกลักษณ์ของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าหรือไฟหน้าทรงกลม แต่มีแสดงถึงพัฒนาการอย่างชัดเจน โดยการเปลี่ยนมาใช้เส้นที่ตรงและคมชัดแทนความโค้ง และใช้พื้นผิวโลหะสีแทนส่วนที่เคยเป็นพลาสติกและโครเมียม
เมื่อเทียบกับ Miniไฟฟ้ารุ่นก่อนหน้านี้ แม้รุ่นใหม่จะมีกระจังหน้าที่ดูเหมือนแทบไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ในส่วนของฝากระโปรงหน้าถูกยกสูงขึ้นตรงกลาง ขณะที่ไฟหน้ามีดีไซน์ที่ดูเหมือนตาที่กำลังกระพริบ และด้านหลังของรถมีไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมใหม่ ขณะที่ล้อมาตรฐานของรถมีขนาด 16 นิ้ว แต่ก็มีขนาด 17 และ 18 นิ้วให้เลือก
ห้องโดยสารของรถเป็นการผสานเทคโนโลยีใหม่เข้ากับการดีไซน์ต่างๆ ที่เป็นความคลาสสิก เช่น จอทัชสกรีนตรงกลางที่มีรูปทรงกลมเหมือนกับเรือนไมล์ของรถรุ่นดั้งเดิม อย่างไรก็ตามหากไม่ถนัดการดูข้อมูลที่จอตรงกลางก็มีการแสดงข้อมูล Head-up Display ซึ่งมีการแสดงข้อมูลทุกอย่างเหมือนที่มีในเรือนไมล์ดิจิตอลเป็นออฟชันให้เลือก หรือหากกลัวว่าการสัมผัสหน้าจอเพื่อควบคุมการทำงานต่างๆ ขณะขับรถจะไม่ปลอดภัย ก็มีผู้ช่วยสั่งงานด้วยเสียงซึ่งมี Avatar เป็นรถ Mini หรือสุนัขชื่อ Spike ให้ใช้
Miniไฟฟ้าใหม่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า โดยมี 2 ระดับกำลังให้เลือกตั้งแต่ Cooper E ใช้มอเตอร์ตัวเดียวกำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 7.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. เดินทางได้ 305 กิโลเมตรต่อการชาร์จด้วยพลังงานจากแบตเตอรี 40.7 kWh ของรถ จากนั้นก็จะขยับขึ้นเป็น Cooper SE ที่ยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวแต่มีกำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตัน-เมตร ใช้เวลาทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ลดลงเหลือ 6.7 วินาที ส่วนแบตเตอรี 54.2 kWh ของรถให้ระยะการเดินทาง 402 กิดลเมตรต่อการชาร์จ
ด้านการชาร์จไฟ SE มาพร้อมกับการชาร์จไฟแบบเร็ว 95 kW ขณะที่ E มีการชาร์จเร็วอยู่ที่ 75 kW แต่จะใช้เวลา 30 นาทีเพื่อชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์เหมือนกันทั้ง E และ SE รวมทั้งรองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC 11 kW เหมือนกัน
นอกจากมี 2 ระบบขับเคลื่อนให้เลือกแล้ว รถแฮทช์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่ยังมี 4 การแต่งให้เลือกคือ Essential Trim, Classic Trim, Favoured Trim และ JCW สำหรับราคาของรถยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา ส่วนการขายจะเริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2024