Aston Martin DB12 Volante รถยนต์ซูเปอร์ทัวเรอร์ที่มาพร้อมกับหลังคาเปิดประทุน สืบทอดการออกแบบที่สวยงามจากรถคูเป้ของค่าย และ
ยังมากับความแรงของเครื่องยนต์ V8 เหมือนกับรุ่นหลังคาแข็ง

Aston Martin DB12 Volante ยังคงมาพร้อมกับหลังคาผ้าพับเก็บได้เหมือนกับรุ่นเปิดหลังคาได้ของ DB11 ขณะที่ดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังของรถไม่มีความแตกต่างจาก DB12รุ่นมีหลังคาแข็ง ยกเว้นด้านหลังเบาะของรถซึ่งเป็นส่วนที่เก็บหลังคาอ่อนเมื่อพับเก็บเปิดหลังคา

สำหรับการเปิดหลังคาผ้าของรถควบคุมด้วยไฟฟ้าใช้เวลา 14 วินาที และใช้เวลา 16 วินาทีเพื่อปิดหลังคา โดยจะทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. นอกจากนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรยังระบุว่าด้วยการพับเก็บหลังคาในรูปแบบ 2-Stage จึงทำให้หลังคาที่เก็บเป็นแถวที่มีความสูง 260 มม. ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เก็บสัมภาระของรถมากนัก รวมทั้งหลังคาผ้าของรถยังมีการบุ 8 ชั้นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร สำหรับหลังคามาตรฐานที่มากับรถจะเป็นสีดำ แต่ก็มีออฟชันหลังคาสีแดง ฟ้า รวมทั้ง ดำและเงินให้เลือก

ภายในห้องโดยสารของรถมาพร้อมกับระบบ Infotainment เจเนเรชันใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเองภายในบริษัทในจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้ว Pure Black พร้อมมีระบบเสียง Bowers & Wilkins 390 วัตต์ ลำโพง 11 ตัวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งด้านหลังเบาะยังมีให้เลือกระหว่างแผงไม้หรือคาร์บอนไฟเบอร์

ขุมพลังของรุ่นเปิดหลังคาได้ไม่แตกต่างจากรุ่น Coupe ที่เป็นเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 680 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ใช้ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ ZF 8 สปีด นำกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อหลังของรถ ใช้เวลา 3.7 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ช้ากว่ารุ่นคูเป้ 0.1 วินาที

รถทัวเรอร์เปิดหลังคาได้รุ่นใหม่มาพร้อมกับโครงสร้างอลูมิเนียม แต่ได้รับการอัพเกรดโดยเสริมความแข็งแกร่งทนต่อการบิดตัวเพิ่มขึ้นจากรุ่น DB11 นอกจากนี้รถยังมาพร้อมกับแดมเปอร์อแดปทีฟใหม่ที่ปรับตั้งสำหรับรถเปิดประทุนโดยเฉพาะอย่างส่วนของเรตสปริงหลัง ขณะที่ล้ออัลลอยฟอร์จขนาด 21 นิ้วของรถมาพร้อมกับยาง Michelin Pilot S 5 โดยมีดิสก์เบรก Cast-iron ขนาด 400 มม. ที่ล้อหน้า และขนาด 360 มม. ที่ล้อหลัง

รถทัวเรอร์หลังคาอ่อนพับเก็บได้รุ่นใหม่จะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ The Quail ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Monterey Car Week ในแคลิฟอร์เนีย และจะเริ่มการผลิตไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 นี้ โดยจะมีการส่งมอบรถในไตรมาสที่ 4