Mini Cooper Convertible รุ่นใหม่รับอากาศภายนอกได้ทั้งเปิดและปิดหลังคา
Mini ขยายไลน์อัพ Mini Cooper เจเนเรชันที่ 4 ของตนด้วยการเผยโฉม Cooper Convertible ตัวถังเปิดประทุนออกมาหลังจากจากที่เผยโฉม Cooper E ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนออกมาเมื่อเดือนกันยายนปี 2023 แล้วตามด้วยรุ่นใช้เครื่องยนต์สันดาปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา โดยรถเปิดประทุนรุ่นใหม่มาพร้อมกับจุดเด่นด้วยการเปิดรับอากาศภายนอกได้แม้ขณะปิดหลังคา แต่ยังคงมีเฉพาะการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เท่านั้น
Mini Cooper Convertible ใหม่ถูกระบุว่ามาในสัดส่วนของรถที่กระทัดรัด มีโอเวอร์แฮงก์ที่สั้น พร้อมล้อใหม่ขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งส่งผลให้รถมีความปราดเปรียวและความสนุกในการขับ นอกจากนี้รถยังมากับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้าใหม่รูปทรง 8 เหลี่ยมมีกรอบสีเงิน Vibrant Silver หรือสีดำเงา Jet Black
ด้านข้างของรถให้ความรู้สึกสปอร์ตด้วยโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นแต่มีระยะฐานล้อยาว ขณะที่ด้านหลังรถมีไฟท้าย LED แนวตั้ง พร้อมเพิ่มความโดดเด่นด้วยมืบจับเปิดฝาท้ายสีดำ และเน้นเส้นแนวนอนเพื่อเสริมความรู้สึกกว้างของรถ ส่วนหลังคาอ่อนของรถใช้เวลาเปิด 18 วินาทีขณะขับที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. และใช้เวลาในการปิดหลังคา 15 วินาที นอกจากนี้หลังคาผ้าของรถยังมีซันรูฟยาว 40 มม. ให้ใช้เพื่อรับอากาศภายนอกเมื่อปิดหลังคา
เพื่อให้ความสบายเมื่อเปิดหลังคาขับ ด้านหลังเบาะผู้ขับและผู้โดยสารจึงมีอุปกรณ์หักเหทิศทางลมที่สามารถยึดอยู่ในตำแหน่งได้ง่ายเพื่อลดเสียงรบกวนและลมหมุนวน นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัยจึงมีระบบปกป้องเมื่อรถพลิกคว่ำด้านหลังพนักพิงศีรษะของเบาะหลัง ซึ่งทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าอาจมีความเสี่ยงที่รถจะพลิกคว่ำ
ส่วนสีภายนอกของรถมีให้เลือกถึง 12 สี รวมทั้งสีเทา Copper Grey ซึ่งเป็นสีพิเศษ พร้อมมีออปชันกระจกข้างสีดำ Jet Black หรือสีขาว Glazer White ให้เลือก ขณะที่การแต่งรถมี 3 แนวทางให้เลือกระหว่าง Classic Trim, Favoured Trim และ JCW Trim
ห้องโดยสารของรถเน้นรายละเอียดในแบบมินิมอลลิสต์และพื้นผิวที่เป็นผ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาษาการออกแบบ Clarismatic Simplicity ที่ลดชิ้นส่วนต่างๆ ให้น้อยลง มีการออกแบบที่ชาญฉลาด และใช้วัสดุคุณภาพสูง โดย 3 ส่วนสำคัญในห้องโดยสารคือพวงมาลัยสปอร์ต จอ OLED ตรงกลางความละเอียดสูงเส้นผ่าศูนย์กลาง 240 มม. พร้อมระบบปฏิบัติการณ์ Mini Operation System 9 และแถบสวิตช์ควบคุมที่ถูกออกแบบให้มีความคลาสสิก
นอกจากการแสดงข้อมูลที่จอตรงกลางแล้ว รถเปิดประทุนรุ่นใหม่ยังมีการแสดงข้อมูล Head-up Display ในมุมมองของผู้ขับ ขณะที่ผ้าทูโทนที่ใช้ในรถทำมาจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ดูแลได้ง่าย และยังมี 7 โหมดให้เลือกเพื่อเปลี่ยนไฟและบรรยากาศในห้องโดยสาร
ระบบขับเคลื่อนของรถซึ่งเป็นเครื่องยนต์สันดาปใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ แต่มี 2 ทางเลือกของระดับกำลังในช่วงแรกระหว่างMini Cooper C 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 8.2 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 220 กม./ชม. หรือMini Cooper S มีกำลัง 204 แรงม้า ใช้เวลา 6.9 วินาทีทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. มีความเร็วสูงสุด 237 กม./ชม. โดยในในอนาคตจะมีรุ่นสมรรถนะสูง JCW ออกมา
ในส่วนราคารถและกำหนดการขายทางผู้ผลิตรถเล็กพรีเมียมจากสหราชอาณาจักรยังไม่บอกออกมา