Jeep Wrangler โมเดลปี 2024 เปิดตัวแล้วในยุโรป ปรับสไตล์และเพิ่มเทคโนโลยี
ถึงเวลาเปิดตัว Jeep Wrangler สเปกยุโรป โมเดลปี 2024 มีการปรับสไตล์ตัวถังเล็กน้อย เพิ่มเทคโนโลยีมาตรฐานในห้องโดยสาร เพิ่มความสามารถในการลุยออฟโรดมากขึ้น รวมทั้งยังมีขุมพลังทางเลือกด้วยเครื่องยนต์สันดาปที่ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจากปลั๊กอินไฮบริดสำหรับตลาดยุโรป
Jeep Wrangler รุ่นปี 2024 สำหรับขายในยุโรปมี 2 เกรดแต่งคือ Sahara และ Rubicon โดยทั้ง 2 เกรดจะมาพร้อมกับกระจังหน้า 7 ช่องแนวตั้งดีไซน์ใหม่ตามรุ่นที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ มีเสาอากาศ Trail-ready stealth antenna อยู่รวมกับกระจกหน้าของรถ 5 ล้อดีไซน์ใหม่ขนาด 17-20 นิ้ว รวมทั้งเฉดสี Anvil ใหม่ โดยหลังคาแข็งของรถจะเป็นสีเดียวกับตัวรถในเกรด Sahara แต่เป็นสีดำในเกรด Rubicon และมีหลังคาไฟฟ้า Sky One-Touch เป็นออฟชันให้เลือก
ความเปลี่ยนแปลงจุดใหญ่ในห้องโดยสารของรถคือใช้จอขนาด 12.3 นิ้วสำหรับระบบ Infotainment Uconnect 5 แทนจอขนาด 8.4 นิ้วในรุ่นก่อนหน้า พร้อมกับมีการทำงานต่างๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีช่องต่อ USB Type-C เพื่อการชาร์จไฟที่เร็วสำหรับผู้นั่งที่เบาะแถวหน้า โดยที่มีช่องต่อ USB ทั้ง Type A และ Type C สำหรับผู้โดยสารทุกคนรวม 7 ช่อง
ส่วนความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ มีกระจกหน้าป้องกันเสียง พรมปูพื้นที่มีความหนามากขึ้น มีการเพิ่มโฟมป้องกันเสียงเพื่อให้ห้องโดยสารเงียบขึ้น และมีระบบเสียง Alpine Premium ลำโพง 9 ตัวเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการสร้างความเพลิดเพลินขณะเดินทาง
ทางผู้ผลิตยังระบุว่ารถมีการทำงานเพื่อความปลอดภัยทั้งแบบแบบเชิงป้องกันและเชิงแก้ไขให้ใช้รวม 35 การทำงาน นอกจากนี้รถรุ่นปี 2024 ยังมีการอัพเกรดเข็ดขัดนิรภัยในเบาะแถวที่สองของรถ ปรับปรุงโครงสร้างของรถสำหรับการกระแทดด้านข้าง มีม่านถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เบาะทั้งสองแถวของรถ พร้อมกับมีระบบช่วยขับเพิ่มขึ้น โดยมีการทำงานใหม่ๆ อย่าง ระบบเตือนเมื่อผู้ขับมีอาการง่วง ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบแสดงข้อมูลสัญญาณจราจร
ด้านระบบขับเคลื่อนของรถมีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2022 ซึ่งมีเฉพาะรุ่นปลั๊กอินไฮบริด 4xe เพราะรถรุ่นปี 2024 มีเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบสำหรับบางตลาดในยุโรปอย่างเยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ และสเปน โดยเครื่องยนต์มีกำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ใช้ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 8 สปีด และรองรับมาตรฐานไอเสีย Euro 6D-Final
ในขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริด 4xe ก็ยังคงมีอยู่และขายทั่วทุกตลาดในยุโรปที่มี Wranglerขาย ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี 17 kWh ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 380 แรงม้า แรงบิด 637 นิวตัน-เมตร โดยรถมาพร้อมกับ Power Box ที่มี 4 ช่องต่อไฟ 230 Volt ทำให้สามารถให้พลังงานหรือชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้
ด้านความสามารถในการลุย หากเป็นรถเกรด Sahara จะมีคานแข็ง Dana ระบบ Selec-Trac 4WD และ Transfer Case Two-speed เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนเกรด Rubicon จะเพิ่มคานแข็ง Dana 44 HD Full-float ที่ด้านหลัง พร้อมกับ Transfer Case Part-time Rock-Track, ระบบ Disconnect บาร์กันโคลงอีเล็กทรอนิกหน้า ล็อกเพลาหน้าและเพลาหลัง Tru-Lok และยางมัดเทอร์เรน BFGoodrich
การขายรถออฟโรดรุ่นใหม่ที่ยุโรปถูกคาดการว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2024 ส่วนราคาของรถจะถูกประกาศออกมาในช่วงใกล้ขาย